ประวัติและความเป็นมาของศูนย์ไอโซโทปรังสี
ก่อนที่จะมาเป็นศูนย์ไอโซโทปรังสี สังกัดสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) เดิมเคยศูนย์ไอโซโทปรังสีมีฐานะเป็นกองผลิตไอโซโทป ได้ถือกำเนิดพร้อมกับการสถาปนาสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ และเริ่มทดลองผลิตสารไอโซโทปรังสีโดยใช้เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ในตอนแรกทดลองผลิตไออีน 131 ส่งให้แพทย์ทดลองใช้นอกจากนี้ก็ยังผลิตสารไอโซโทปที่มีครึ่งชีวิตสั้นอื่น ๆ เช่น ทอง 198, โซเดียม 24 ,เทคนีเซียม 99 เอ็ม เป็นต้น ตลอดเวลา 40 ปี ที่ผ่านมากองผลิตไอโซโทปได้มีการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพสารไอโซโทปและวิจัยสารไอโซโทปตัวใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขอรับบริการ โดยมีเป้าหมายหลักดังนี้
- เพื่อเป็นบริการของภาครัฐให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยให้ได้รับการบำบัดรักษาและ/หรือการตรวจวินิจฉัยด้วยสารไอโซโทปอย่างทั่วถึง
- ช่วยลดการขาดดุลการค้าและการสูญเสียเงินตราให้กับต่างประเทศเนื่องจากสารไอโซโทปที่ผลิตขึ้นเองในประเทศจะมีราคาถูกกว่าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ
- ช่วยเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์งานผลิตไอโซโทปให้แก่นักวิทยาศาสตร์ในประเทศ
- สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยให้ได้ใช้สารไอโซโทปได้ทันท่วงที เนื่องจากสารไอโซโทปมีค่าครึ่งชีวิตสั้น การผลิตได้เองสามารถยืดหยุ่นปริมาณความต้องการได้
นอกจากการบริการจะมุ่งเน้นทางการแพทย์เป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังมีการผลิตสารไอโซโทปที่ใช้ในกิจการอื่น ๆ อีกบ้าง เช่น ทางด้านการเกษตร การศึกษาวิจัย และการอุตสาหกรรม เป็นต้น สารไอโซโทปที่ผลิตนั้นจะต้องผ่านการควบคุมคุณภาพโดยอ้างอิงตามมาตรฐานสากลของทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา (European Pharmacopoeia และ United State Pharmacopoeia)
ปัจจุบันหากจะจำแนกสารไอโซโทปที่กองผลิตไอโซโทปได้ให้บริการแล้วสามารถจำแนกได้หลายกลุ่มแต่ในบทความนี้จะขอเน้นเฉพาะกลุ่มสารไอโซโทปตั้งแต่ต้นหรือที่เรียกว่า Primary Isotope เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาอาศัยเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูในการผลิตสารไอโซโทปโดยตรง ซึ่งมีไอโซโทปตัวหลักอยู่ 2 ตัว
1. ไอโอดีน-131
กองผลิตไอโซโทปเริ่มผลิตไอโอดีน -131 ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2509 ปริมาณที่ผลิตได้ในปีนั้นคือ 601มิลลิคูรี และก่อนหน้าปี พ.ศ. 2509 แพทย์ก็สั่งไอโอดีน-131 จากต่างประเทศมาใช้รักษาผู้ป่วยอยู่แล้วประมาณ 12,000 มิลลิคูรีต่อปีจนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ก็เพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 14,136 มิลลิคูรี ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ของแพทย์ (ซึ่งมีการเพิ่มปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 25 คูรีต่อปี) และในเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2518 เครื่องปฏิกรณ์หยุดเดินเครื่องเพื่อการปรับกรุงใหม่ สำนักงานฯได้จัดทำโครงการปรับปรุงการผลิตไอโอดีน-131 แต่จากสถิติพบว่าแพทย์มีความต้องการใช้สารไอโซโทป 2 ชนิด คือ ไอโอดีน -131 และเทคนีเซียม - 99 เอ็ม
ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของแพทย์จึงได้มีการปรับปรุงแผนการผลิตไอโซโทปรังสีที่มีขีดความสามารถทั้งในการผลิตไออีน-131 และเทคนีเซียม 99 เอ็ม ไปพร้อมกัน เพื่อเป้าหมายโดยการขยายงบประมาณที่ขอสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติจึงไม่เพียงพอ สำนักงานฯ จึงได้ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมไปยังทบวงการพลังปรมาณูระหว่างประเทศอีกทางหนึ่งและได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการระยะยาว 5 ปี ชื่อ Radioisotope Production Facility สิ่งต่อไปที่ต้องคำนึงถึง คือ การสร้างอาคารผลิตไอโซโทปหลังใหม่ที่มีโครงสร้างที่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของตู้ผลิตและอุปกรณ์การผลิตที่ทำด้วยตะกั่วและมีเนื้อที่เพียงพอที่จะรับน้ำหนักการผลิตไอโซโทปรังสีทั้ง 2 ชนิด ด้วยเหตุนี้กองผลิตไอโซโทป 3 (อาคาร 19) จึงถือกำเนิดขึ้น (พื้นที่ของอาคารที่จะวางตู้ผลิตต้องสามารถรับน้ำหนักกดได้ 30 ตัน ต่อตารางเมตร พื้นที่ของอาคารทั่วไปสามารถรับหน้ำหนักกดได้ 500 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
ในระหว่างปี 2525-2529 มีการดำเนินการซื้อตู้ผลิต และติดตั้งตู้ผลิต บริษัทที่ประมูลได้ คือ Isocommerce จากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมันโดยมีเป้าหมายเพิ่มยอดผลิตไอโอดีน 131 ให้ได้สัปดาห์ละ 1 คูรี จนในปัจจุบันนี้กองผลิตไอโซโทปสามารถผลิตไอโอดีน 131 ได้ประมาณ 5-6 คูรี ต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดที่กองผลิตไอโซโทปจะผลิตได้ โดยก่อนหน้านี้สำนักงานฯ สามารถให้บริการไอโอดีน 131 ได้โดยไม่ต้องพึ่งพานำเข้าจากต่างประเทศแต่เนื่องจากปริมาณผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปีจำนวนและความสามารถในการให้บริการของโรงพยาบาลแต่ละแห่งก็เพิ่มขึ้นด้วยในระยะ 3-4 ปี ที่ผ่านยอดการผลิตไอโอดีน 131 จึงเริ่มที่จะไม่เพียงพอต่อการให้บริการเสียแล้ว ปัจจุบันโรงพยาบาลบางแห่งจึงแก้ปัญหาโดยการสั่งไอโอดีน 131 เพิ่มจากบริษัทเอกชนซึ่งนำเข้าไอดีน 131 จากต่างประเทศมาเสริมในส่วนที่ยังขาดอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าราคาจำหน่ายค่อนข้างจะแพงมากเมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายของสำนักงานฯ และในปัจจุบันปี 2551 เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ไอโอดีน-131 มีมากถึงสัปดาห์ละ 11 คูรี ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ต้องดำเนินการจัดซื้อแท่งเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูเพิ่มเติม ทำให้กำลังเดินเครื่องของเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูมีไม่เพียงพอต่อการผลิตไอโอดีน-131 ขณะนี้จึงมีการนำเข้า ไอโอดีน-131 จากต่างประเทศ(จากบริษัท Polatom,ประเทศโปแลนด์) เข้ามาทั้งหมด จนกว่าจะได้มีการติดตั้งแท่งเชื้อเพลิงเพิ่มเติมจึงจะได้พิจารณาที่จะดำเนินการผลิตอีกครั้งหนึ่ง
2. เทคนีเซียม 99 เอ็ม
เป็นไอโซโทปหลักอีกหนึ่งที่กองผลิตไอโซโทปได้เคยผลิตให้บริการมีความสำคัญสำหรับการวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพด้วยรังสี (Imaging technology) โดยลำพังตัวของมันเองก็สามารถนำมาใช้ตรวจอวัยวะบางอย่างได้ เช่น สมอง ต่อมน้ำลาย หรืออาจจะใช้ผสมกับการสารประกอบชนิดอื่น ซึ่งเราเรียกว่า สารประกอบสำเร็จรูปเทคนีเซียม 99 เอ็ม (Ready to use kit หรือ cold kit) นำมาใช้ตรวจอวัยวะต่าง ๆ ได้ เช่น นำเทคนิคนีเซียม 99 เอ็ม มาติดฉลากกับ Methylene diphosphonate (MDP) ได้ 99 m Tc-MDP ซึ่งนำมาใช้ในการตรวจกระดูก เป็นต้น
แพทย์สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ได้นำ Tc-99m เข้ามาใช้งานตรวจวินิจฉัยนานแล้วเนื่องจาก Tc-99m มีคุณสมบัติทางนิวเคลียร์ที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในทางการแพทย์มีครึ่งชีวิตสั้นเพียง 6 ชั่วโมง Tc-99m สามารถผลิตได้ 2 วิธี วิธีแรก คือ สกัดด้วย MEK (Methyl Ethyl Ketone) ได้ Instant Tc-99m อีกวิธีคือใช้ elute Tc-99m จาก 99 Mo 99 m Tc Generator
วิธีที่กองผลิตไอโซโทปใช้สำหรับการผลิต Tc-99m คื่อการสกัดด้วย MEK ซึ่งขั้นตอนการผลิตค่อนข้างจะแปลกกว่าการผลิตไอโซโทปอื่นๆ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอันได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต 2 คน ฝ่ายควบคุมคุณภาพ 1 คน เจ้าหน้าที่กองสุขภาพ 1 คน เจ้าหน้าที่หีบห่อและประจำยานพาหนะอีก 6 คน จะต้องเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 03.00 น. เพื่อที่จะได้ทันส่งให้แพทย์ใช้ก่อน 08.00 น. นอกจากนี้ยังจะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่จะนำสารตั้งต้นออกจากเครื่องปฏิกรณ์ฯ และเจ้าหน้าที่เดินเครื่องปฏิกรณ์ฯ ปฏิบัตินอกเวลาราชการด้วย จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่หีบห่อและพนักงานขับรถมีจำนวนถึง 6 คน เนื่องจากความจำเป็นในการจัดส่งจึงต้องแบ่งสายการส่งออกไปถึง 3 สาย
เมื่อสำนักงานฯ ได้ของบประมาณจากสำนักงบประมาณและขอความช่วยเหลือจาก ทบวงการฯ หรือ IAEA เพื่อที่จะปรับปรุงแผนการผลิตไอโซโทปรังสีภายใต้โครงการ Radioisotope Production Facility นั้น ได้จัดซื้อและติดตั้งตู้ผลิต Tc-99m จากบริษัท Atomic Energy of Canada Limited ประเทศคานาดา Tc-99m ก็เริ่มต้นผลิตอีกครั้งในปี 2529 เป้าหมายการผลิตไว้ที่ 2 คูรีต่อสัปดาห์
สำนักงานฯ สามารถบริการ Tc-99 m ให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้เท่านั้น เนื่องจากค่าครึ่งชีวิตที่ค่อนข้างสั้น (6 ชั่วโมง) แพทย์ต่างจังหวัดก็ต้องใช้ Tc-99m 99 Mo-99m Tc Generator เป็นทางเลือกทดแทน
กองผลิตไอโซโทปได้ดำเนินการผลิต Tc-99m เรื่อยมาจนกระทั่งในปี 2540 ก็เกิดปัญหาว่าไม่สามารถให้บริการไอโซโทปได้เพียงพอทั้ง ไอโอดีน-131 และ Tc-99m เนื่องจากความจำกัดของท่ออาบรังสีของสารตั้งต้นและขีดจำกัดในการเดินเครื่องปฏิกรณ์ฯเป็นสำคัญ
ดังนั้นมีการจัดตั้งคณะทำงานจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี เกี่ยวกับการปรับลดบาทหรือเลิกดำเนินการ ปัญหานี้จึงถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาและได้ผลสรุปให้ยุติบทบาทการให้บริการ Tc-99m ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2540 เป็นต้นมา โดยมีเหตุผลประกอบการงดผลิต Tc-99m ดังนี้
1. ลักษณะของงานจำเป็นต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก คือ นอกจากในแต่ละวันจะต้องใช้กำลังคนถึง 10 คน เพื่อการผลิตควบคุมคุณภาพและจัดส่งเทคนีเซียม-99เอ็ม ยังจะต้องใช้กลุ่มบุคลากรสำหรับนำสารตัวอย่างออกจากเครื่องปฏิกรณ์ฯ สัปดาห์ละ 4 คน กลุ่มงานเดินเครื่องปฏิกรณ์ฯ นอกเวลาราชการอีกสัปดาห์ละ 18 คน
2. การปฏิบัติงานทั้งหมดกระทำการนอกเวลาราชการเพราะต้องการความรวดเร็ว และได้ทันต่อความต้องการของแพทย์ผู้ใช้ จึงต้องขอเบิกค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณมากเมื่อเทียบกับการผลิตไอโอดีน-131 ซึ่งไม่ต้องขอค่าตอบแทนพิเศษใด ๆ
3. ผู้ขอรับบริการเทคนีเซียม-99เอ็ม จากสำนักงานฯ ลดลงเป็นจำนวนมากเนื่องจากกการเปิดดำเนินการของบริษัทเอกชน ซึ่งให้บริการจำหน่ายสารเภสัชภัณฑ์รังสีติดฉลากกับ เทคนิคเซียม-99เอ็ม พร้อมฉีดให้กับคนไข้ในลักษณะ Unit Dose ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกแก่บุคลากรของโรงพยาบาล เพราะสามารถใช้กับผู้ป่วยได้ทันที ลดการเสี่ยงของการรับรังสีกับบุคลากรเตรียมยา อีกทั้งยังเหมาะสมกับโรงพยาบาลที่มีการบริการในช่วงเย็นนอกเวลาราชการเพราะโดยปกติค่าครึ่งชีวิตของเทคนีเซียม-99 เอ็ม (6 ชั่วโมง) เทคนีเซียม-99 เอ็ม จากสำนักงานฯ มีข้อจำกัดทางด้านเทคนิต เพราะสำนักงานฯ เตรียมยาในช่วงเช้ามากเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้ในช่วงเย็นได้
4. โรงพยาบาลมีทางเลือกที่จะใช้เทคนีเซียม-99เอ็ม ที่ elute ได้จาก Generator ( ซึ่งพป.ไม่ได้ผลิต) โดยเฉพาะโรงพยาบาสใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ ที่ต้องใช้เทคนีเซียม-99เอ็ม ในปริมาณมากและโรงพยาบาลต่างจังหวัด
5. กองผลิตไอโซโทปมีการทดลองวิจัยการผลิตสารไอโซโทปตั้งต้นชนิดอื่นเพื่อเติม จำเป็นต้องใช้เนื้อที่ในการอาบรังสีในท่อเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู เช่น Samarium-153 เพื่อผลิต Samarium-153 EDTMP และ Samarium-153 HA อีกทั้งกองผลิตไอโซโทปยังต้องการเพิ่มยอดไอโอดีน-131 เพื่อผลิตไอโอดีน-131 ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้และเพื่อผลิตสารประกอบติดฉลากไอโอดีน-131 เอ็มไอบีจี ในขนาดที่ความแรงใช้รักษาผู้ป่วยได้ซึ่งต้องใช้ไอโอดีน-131ในปริมาณที่สูง จากเหตุผลดังกล่าวทั้งหมดเมื่อสำนักงาน ก.พ. ได้แจ้งกระทรวงต่าง ๆ ให้ทบทวนบาทภารกิจหน้าที่เพื่อเปลี่ยนแปลงปรับลดภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลแล้วสำนักงานฯ จึงเห็นสมควรให้ปรับลดบทบาทการผลิตเทคนีเซียม-99เอ็ม และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตไอโอดีน-131 สารไอโซโทปอื่นๆ ที่เพิ่มมากขึ้นกองผลิตไอโซโทปจึงได้ยุติบทบาทการให้บริการ Tc-99m ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2540 เป็นต้นมา
นอกจากไอโอดีน-131 และเทคนีเซียม-99เอ็ม แล้ว กองผลิตไอโซโทปก็ยังผลิตสารเภสัชภัณฑ์รังสีชนิดอื่นอีกหลายกลุ่มซึ่งพอที่จะรวบรวมได้ตามปี พ.ศ. ที่สารนั้นให้บริการดังนี้
2515 - ผลิต lodide-131 Hippuran เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยไต (Tubular Excretion rate)
- ผลิต lodide-131 Rose Bengal เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ
2525 - ผลิต Sulfur colloid kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ
- ผลิต MDP kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยกระดูก
2526 - ผลิต DTPA kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยไตบริเวณ glumeruli
- ผลิต Pyrophosphate kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยกระดูกและการขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจ
2527 - ผลิต lodide-131 Bromthalein เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ
- ผลิต MAA kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ
- ผลิต Human Serum Albumin kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยการสูบฉีดโลหิตที่เลี้ยงหัวใจ
2528 - ผลิต HIDA kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ (Hepateobiliary sustem)
- ผลิต Glucoheptonate เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยไตส่วน glomeruli และ renal tubule
- เลิกผลิต lodide-131 Rose Bengal เพราะมี kit อื่นที่ใช้แทนได้
2529 -โครงการจัดตั้งห้องปฏิบัติการทาง Radioimmunoassay โดยร่วมมือกับทบวงการฯ เป็น ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2529 พ.ศ. 2534)
2530 - ผลิต Phytate kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ
2531 - ผลิต DISIDA kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ-น้ำดี
- ผลิต DMSA kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยไตส่วนเนื้อเยื่อ Parenchyma
2532 -เริ่มให้บริการน้ำยาตรวจวิเคราะห์ทางเรดิโออิมมูโนเอสเสย์ในกลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมน (T3,T4, TSH)
2533 - ผลิต IODIDA kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ
- ผลิต lodide-131 MIBG เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยต่อมหมวกไต
2534 - ผลิต DMSA (v) kit เพื่อใช้ถ่ายภาพเนื้องอก (Tumor lmaging)
2535 - ให้บริการน้ำยาตรวจวิเคราะห์ทางเรดิโออิมมูโนเดสเสย์อีก 2 กลุ่ม Peptide เช่น Prolactin, LH, FSH และกลุ่ม Steroid เช่น Progesterone, Estradiol
2536 - ผลิต Stannous kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยหากมีเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้
- ผลิต Bromida kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยตับ-น้ำดี
- ผลิต MAG3 kit เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยไต (การทำงานของ Tubular Excretion Rate)
- ผลิต HMPAO เพื่อตรวจวินิจฉัยการไหลเวียนของเลือดในสมอง (Brain perfusion study)
หมายเหตุ: HMPAO kit หยุดผลิตในปี 2542 เนื่องจากภาพที่ได้จากการสแกนไม่ชัดเจน
2537 - ผลิต MIBI kit เพื่อตรวจสอบเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจ (Myocardium Perfusion Study)
- ผลิต EC kit เพื่อใช้ตรวจสอบการทำงานของไต
- ผลิต ECD kit เพื่อใช้ตรวจสอบการไหลเวียนของเลือดในสมอง
- ผลิต Stannous kit เพื่อใช้ตรวจสอบเลือดที่ออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ (Gastrointestinal Bleeding)
หมายเหตุ: MIBI kit หยุดผลิตในปี 2540 เนื่องจากไม่สามารถจัดซื้อสารเคมีที่ใช้สังเคราะห์ สารตั้งต้นได้
2540 - ผลิต Samarium-153 EDTMP เพื่อรักษาอาการปวดกระดูกจากการแพร่กระจายของมะเร็ง
2541 - ผลิต Samarium Hydroxyapatite เพื่อรักษาอาการปวดอักเสบของข้อในผู้ป่วย Rheumatoid arthritis
2548 - ผลิต 131Iodine MIBG ชนิดบำบัดรักษา เพื่อใช้รักษาเนื้องอกพวกฟีโอโครมชนิดไม่ร้ายแรง ใช้รักษามะเร็งที่เนื้อเยื่อส่วนกลางของต่อมหมวกไต
ระหว่างปี 2005-2006 โครงการผลิตไอโซโทปรังสีได้รับความร่วมมือด้านวิชาการ Technical Cooperation (TC Project) Development of radiopharmaceuticals for clinical use กับทบวงการระหว่างประเทศ (IAEA) และมีโครงการวิจัยสารเภสัชรังสีตัวใหม่ ซึ่งเป็นการนำเอาสารไอโซโทปประกอบเข้ากับ Biomolecule หรือ Monoclonal antibody อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Target-specific radiopharmaceuticals ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าสารเภสัชรังสีชนิดเดิมมาก
นับตั้งแต่ปี 2507 เป็นเวลามากกว่า 40 ปีกองผลิตไอโซโทปรังสี
ซึ่งเคยสังกัดอยู่ในสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างในปี 2545 เพื่อเตรียมปรับบทบาทและภารกิจกองผลิตไอโซโทป
ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โครงการผลิตไอโซโทป สังกัดสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และในวันที่ 25 ธันวาคม 2549 ภารกิจของกลุ่มงานปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา
กลุ่มงานด้านการให้บริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ได้ถูกแยกออกมาจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
มาเป็นหน่วยงานในกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้ชื่อ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)
โครงการผลิตไอโซโทปได้ถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและเปลี่ยนชื่อมาเป็น ศูนย์ไอโซโทปรังสี